วันอาทิตย์ที่ 25 มกราคม พ.ศ. 2552

กระเทียม (แก้หวัด,ช่วยย่อย)


ส่วนประกอบ :

- โปรตีน คาร์โบไฮเดรต แคลเซียม ฟอสฟอรัส เหล็ก

- วิตามินซี วิตามินบี1 และบี 2 - มีน้ำมันหอมระเหย มีสารประกอบมากกว่า 200 ชนิด

- ประกอบด้วยอินทรีย์กำมะถันหลายชนิด เช่น อัลลิซิน (allicin) 0.6-1.0%

- อัลลิอิน (alliin) ไดอัลลิลไดซัลไฟด์ (diallyl disulfide)

- เมททิลอัลลิลไตรซัลไฟด์ (methyl allyl trisulfide) คูมาริน (coumarin)

- เอสอัลลิลซีสทีอีน (S-allylcysteine) เป็นต้น

- มีเอนไซม์หลายชนิด เช่น อัลลิเนส (allinase) เปอรอกซิเดส (peroxidase) - อินเวอร์เทส (invertase) และไทโรซิเดส (tyrosidase) - มีน้ำมัน 0.1 - 0.4 %



ในยาแผนโบราณใช้กระเทียมเป็นยาบำบัดอาการไอ แก้ไข้หวัด แก้หลอดลมอักเสบเรื้อรัง ช่วยย่อย แก้ความดันสูง เส้นเลือดเปราะ แก้โรคท้องเสีย ขับลม และขับเหงื่อ มีการศึกษาวิจัยเกี่ยวกับฤทธิ์ของกระเทียมในด้านการรักษา ได้แก่ การช่วยลดปริมาณคอเลสเตอรอลในเลือด ช่วยป้องกันโรคหลอดเลือดอุดตันและกล้ามเนื้อหัวใจหยุดทำงานเฉียบพลัน ช่วยลดความดันโลหิต ช่วยเพิ่ม HDL หรือคอเลสเตอรอลชนิดดีในเลือด ช่วยลดปริมาณน้ำตาลในเลือด ลดไตรกลีเซอไรด์ เพิ่มการไหลเวียนของเลือด พบว่ากระเทียมช่วยยับยั้งการเจริญเติบโตของเชื้อแบคทีเรียที่เป็นสาเหตุของโรควัณโรค คอตีบ ปอดบวม ไทฟอยด์ และคออักเสบได้ มีสารต้านมะเร็ง เช่น สาร S-allylmercaptocysteine ลดการเกิดมะเร็งในต่อมลูกหมาก (50%) ช่วยเพิ่มความจำ และช่วยรักษาโรคกลากเกลื้อน สาร allyl sulfides ช่วยลดการผลิตเอนไซม์ phase 1 ซึ่งเป็นอันตรายต่อเซลล์ และนำไปสู่การเกิดเซลล์มะเร็ง จึงป้องกันการเกิดเซลล์มะเร็งได้ดีเยี่ยมสารนี้ในกระเทียมจะมีขึ้นเมื่อทุบให้แตกก่อนแล้ววางไว้ 10 นาทีก่อนจะนำไปใช้ มีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระ ช่วยชะลอการเกิดโรคเสื่อมต่างๆ และโรคของหลอดเลือด ผู้ป่วยเบาหวาน มะเร็ง และเอดส์น่าใช้ประจำ ช่วยส่งเสริมการทำงานของระบบภูมิคุ้มกัน (กินวันละ 5-7 กลีบ) และใช้ควบคุมระดับคอเลสเตอรอล วันละ 2 กลีบ) ข้อควรระวัง : ไม่ควรกินกระเทียมขณะท้องว่างเพราะอาจระคายเคือง เกิดคลื่นไส้ อาเจียน ปวดท้องได้ ก่อนเข้ารับการผ่าตัด ควรงดรับประทานสัก 3- 4 วัน เพราะจะทำให้เลือดออกง่ายและหยุดไหลช้ากว่าปกติ มารดาที่ให้นมลูก หากกินมากเกินไปอาจทำให้ลูกเป็นโรคร้องสามเดือน (Colic) หมายเหตุ : ต้นกระเทียม ปลูกแล้วถอนมาใช้ตั้งแต่ยังไม่เป็นหัว ส่วน Leeks เป็นกระเทียมอีกชนิดหนึ่ง ซึ่งต้นใหญ่กว่า กินต้นและใบได้ มีโพเลท 30 % มีเหล็ก และวิตามินซีอย่างละ 20% Aged garlic ผลิตโดยเทคนิคใหม่ของญี่ปุ่น ช่วยลดกลิ่นและสารอื่นๆ ที่ไม่ต้องการออก แต่มีสารเสริมภูมิต้านทานของร่างกาย โดยเสริมการทำงานของเซลล์ macrophages เซลล์ T-lymphocyte และ การสร้างแอนติบอดี มีฤทธิ์ฆ่าเชื้อไวรัส แบคทีเรีย และเชื้อรา ต่อมาพบว่ากระเทียมสด แห้ง และสกัด ล้วนมีประโยชนเช่นเดียวกัน

ไม่มีความคิดเห็น: